วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม

” ใครก็ตามที่ไม่มีเป้าหมายและแรงจูงใจในชีวิตมากเพียงพอ แค่จะเอื้อมไปเด็ดใบไม้สักใบ หรือเก็บก้อนหินสักก้อนก็คงทำได้ยาก แต่…ใครก็ตามที่มีเป้าหมายที่ท้าทายและมีแรงจูงใจที่มากพอ ต่อให้ปีนเขาสูงหรือข้ามทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลสักเพียงใด ความสำเร็จก็คงอยู่ไม่ไกลนัก”
การที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ประสบแต่ความสำเร็จ มีเทคนิคและหาวิธีการคิด

เริ่มตั้งเป้าหมายชีวิตจากเรื่องเล็กๆ

เพราะเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ มักจะมีโอกาสสำเร็จได้ง่ายกว่า เมื่อเรามีความสำเร็จเกิดขึ้นตลอดเวลา ทุกเมื่อเชื่อวัน เราก็จะมีความมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น การตั้งเป้าหมายเรื่องเล็กๆ เปรียบเสมือนเรากำลังหาเช้ากินค่ำ เพราะจิตใจของเราได้บริโภคความสำเร็จทุกวัน

เลิกมองเป้าหมายสุดท้าย แต่หันมาตั้งเป้าหมายที่กิจกรรมที่จะต้องทำแทน

การตั้งเป้าหมายสุดท้ายบางครั้งอาจจะทำให้เราท้อแท้เสียก่อน โดยเฉพาะตอนที่เริ่มลงมือทำ เช่น เราตั้งเป้าหมายว่าจะวิ่งรอบสนามฟุตบอล 5 รอบ พอวิ่งไปได้สัก 50 เมตร เราก็รู้สึกว่าเหลืออีกตั้งไกล ให้ตั้งเป้าหมายเสียใหม่ว่าเราจะวิ่งทีละ 3 ก้าว สมาธิของเราก็จะถูกดึงมาที่การนับก้าว นับ 1, 2, 3 ไปเรื่อยๆ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความกังวลกับเป้าหมายสุดท้ายลงได้ และเรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จในการนับก้าวเพียง 3 ก้าวอยู่ตลอดเวลา และถ้ารับการประสบความสำเร็จในการนับก้าวเพียง 3 ก้าวตลอดระยะทางของการวิ่งรอบสนามฟุตบอล 5 รอบ รับรองได้ว่าเป้าหมายใหญ่หรือเป้าหมายสุดท้ายที่เราตั้งไว้ก็ประสบความ สำเร็จโดยอัตโนมัติ
ถ้าเราทำแล้วแต่ไม่ได้ผลดังที่คาดหวัง ก็ให้คิดว่าสำเร็จในการที่ได้ทำ ก็ให้คิดเสียว่าอย่างน้อยๆ เราก็มีความสำเร็จที่ได้ทำสิ่งนั้น ดีกว่าคนอีกหลายคนที่ยังไม่ทำในสิ่งที่เราได้ และที่สำคัญคือเราจะได้มีโอกาสไปทำสิ่งอื่นในชีวิตที่เรายังไม่ได้ทำอีกตั้ง มากมาย หรือเราอาจจะคิดใหม่ว่าถ้าทำแล้วไม่ได้ผล แสดงว่าโอกาสแห่งความสำเร็จยังรอเราอยู่ ยิ่งเราทำแล้วไม่สำเร็จมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่าหนทางสู่ความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น เหมือนคนเดินหลงทางมามากเท่าไร โอกาสที่จะไปถูกทางก็ย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น เพราะโอกาสลองผิดเริ่มน้อยลงๆ ไปเรื่อยๆ

ถ้าผลที่ได้รับต่ำกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ให้คิดว่าเราประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว

ขอให้คิดว่าถ้าเราบรรลุเป้าหมายตั้งแต่ครั้งแรก เราจะได้ความสำเร็จเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และให้คิดว่าผลที่ได้ในครั้งแรกนั้นเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว คิดต่อไปอีกว่าเป้าหมายที่เหลืออยู่จะสร้างโอกาสให้เราประสบความสำเร็จได้ อีกครั้งหนึ่ง ถ้ายังทำแล้วยังไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้อีกก็ให้คิดเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ครั้งแรกประสบความสำเร็จ การที่เราประสบความสำเร็จครั้งละน้อยๆ แต่หลายครั้ง ไม่แน่ว่าผลรวมของความสำเร็จหลายครั้งรวมกันอาจจะมีมากกว่าหรือดีกว่าความ สำเร็จของคนที่ทำครั้งเดียวแล้วประสบความสำเร็จเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น สมจิตร จงจอหอ นักมวยเหรียญทองโอลิมปิกที่สะสมความสำเร็จในการไปชกมวยโอลิมปิกยาวนานถึง 12 ปี ผลพวงของความสำเร็จที่ละเล็กทีละน้อยที่สะสมไว้ได้ช่วยให้สมจิตรมีโอกาสได้ เงินรางวัลมากกว่านักชกที่เคยได้เหรียญทองโอลิมปิกก่อนหน้านี้ มีชื่อเสียงมากกว่าและมีโอกาสใช้เงินไปนานกว่าคนที่ประสบความสำเร็จไปก่อน หน้านี้ ไม่แน่ว่าถ้าสมจิตรได้เหรียญทองโอลิมปิกตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปชกโอลิมปิก ป่านนี้เขาอาจจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลยก็ได้และอาจจะมีภูมิคุ้มกันชีวิตน้อย กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอาหารว่างทาง สมองให้ท่านผู้อ่านนำไปคิดต่อ อะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำไปใช้ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองก็อาจจะส่งข้อมูลนี้ต่อไปให้ผู้อื่น เพราะอาจจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอื่นบ้างก็ได้ไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านทุกคนคงจะมีชีวิตที่ประสบแต่ความสำเร็จตลอด เวลาและตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: